สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com

หินปูน อันตรายแค่ไหน

บทความนี้ คัดลอกมากจากหนังสือ "ครบเครื่องเรื่องฟัน FUN"

จัดพิมพ์โดย คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

หินปูน อันตรายแค่ไหน

ศ.ทพญ.ดร.สุดาดวง กฤษฎาพงษ์

                สมัยก่อนคนทั่วไปเชื่อกันว่าโรคปริทันต์อักเสบ (รำมะนาด) ที่ฟันโยกคลอนหรือบางทีเห็นเป็นฟันซี่ยาว เพราะมีเหงือกร่นร่วมด้วยนั้น เป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่พออายุมากขึ้น เข้าสู่วัยชรา ฟันก็จะโยกแล้วหลุดไปเอง ส่วนทันตแพทย์เองเชื่อว่าโรคปริทันต์อักเสบเกิดจากการมีหินน้ำลาย (หินปูน) และคราบจุลินทรีย์ (ขี้ฟัน) สะสมอยู่จนทำให้เหงือกอักเสบ และเมื่อปล่อยทิ้งไว้นานก็จะลุกลามจนกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบ ทันตแพทย์ในสมัยก่อนจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการกำจัดหินน้ำลายให้เกลี้ยงเกลา เพราะเชื่อว่าจะเป็นการป้องกันการเกิดโรคปริทันต์อักเสบในอนาคต แต่ปัจจุบันความเชื่อดังกล่าวได้รับการพิสูจน์จนเป็นที่ยอมรับจากวงการวิจัยนานาชาติแล้วว่า “ไม่จริง”

                เหงือกอักเสบเกิดจากคราบจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นก้อนเชื้อโรค อธิบายง่ายๆว่าแปรงฟันไม่สะอาด มีขี้ฟันเหลือค้างบริเวณคอฟัน ก็จะทำให้เหงือกอักเสบ บวมแดง มีเลือดออกได้ง่าย เปรียบเทียบได้กับการอาบน้ำ ล้างหน้าไม่เกลี้ยง เหลือสิ่งสกปรกตกค้างจนเกิดสิวนั่นเอง ดังนั้นถ้าแปรงฟันให้สะอาดขึ้น ขจัดคราบจุลินทรีย์บริเวณคอฟันให้ดีขึ้น ไม่นานนักเหงือกก็จะหายอักเสบ ยุบ กลับคืนเป็นปกติ คล้ายๆกับถ้าล้างหน้าให้สะอาดดี เดี๋ยวสิวก็หาย (ดังนั้น ถ้าแปรงฟันแล้วเลือดออกเพราะเหงือกอักเสบ อย่ากลัว กลับต้องยิ่งแปรงให้เกลี้ยงยิ่งขึ้น) เหงือกอักเสบจึงเป็นกลไกที่ตรงไปตรงมา เป็นๆหายๆ บวมๆ ยุบๆ ขึ้นกับความสะอาดของการแปรงฟัน (เหมือนเป็นสิวอีกนั่นแหละ) เหงือกอักเสบจึงไม่ได้มีอันตรายนัก ถ้าเป็นมากๆ ก็เจ็บ บวมแดง แลดูไม่งาม และส่งกลิ่นเหม็น (เหมือนคนไม่ได้อาบน้ำนานๆ นั่นแหละ)

                ส่วนปริทันต์อักเสบเป็นภาวะที่อวัยวะเนื้อเยื่อหุ้มรากฟัน (เหงือก กระดูก) ถูกทำลาย จึงทำให้ฟันโยกคลอน ปริทันต์อักเสบเกิดจากการที่ความต้านทานหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายเสียไป จนทำให้เชื้อโรคที่อยู่บริเวณคอฟันเข้าทำลายอวัยวะเนื้อเยื่อหุ้มรากฟันได้ แม้ว่าจะมีคราบจุลินทรีย์หรือหินน้ำลายไม่มากก็ตาม

                โรคปริทันต์อักเสบจึงมักพบในผู้สูงอายุที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายเสื่อมถอย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน นอกจากนั้นการสูบบุหรี่ที่มีสารพิษเข้าทำลายเนื้อเยื่อเหงือกโดยตรงเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดของการเกิดปริทันต์อักเสบ ดังนั้น “การป้องกัน” ปริทันต์อักเสบจึงหมายถึงการควบคุมโรคทางระบบ (เช่น เบาหวาน) และการไม่สูบบุหรี่นั่นเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคราบจุลินทรีย์หรือหินน้ำลายแต่อย่างใด

                แต่สำหรับคนที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบแล้ว และต้องการ “รักษา” เพื่อให้ฟันกลับคืนแน่น ไม่โยกคลอนดังเดิม จำเป็นต้องรักษาความสะอาดรอบๆรากฟันนั้นให้ดียิ่ง โดยขจัดคราบจุลินทรีย์และหินน้ำลายออกให้เกลี้ยงที่สุด ทั้งนี้เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอกว่าคนปกติ จึงจำเป็นต้องควบคุมสภาพแวดล้อมให้สะอาดเป็นพิเศษ (ที่สำคัญต้องเลิกบุหรี่ด้วย)

                การดูแลอนามัยช่องปากให้สะอาดเป็นวิถีปฏิบัติพื้นฐานของการดำรงชีวิต คราบจุลินทรีย์เขรอะ หินน้ำลายเป็นกำแพงให้ฟันยืนพิงคงไม่ใช่คำตอบ แต่การมีคราบจุลินทรีย์และหินน้ำลายหลงเหลือบ้าง ก็คล้ายกับการมีขี้ไคลหลงเหลือตามซอกรักแร้ ซอกเล็บเท้า หัวแม่โป้งนั่นแหละ

.....อาจอันตรายได้ ถ้าแฟนคุณรังเกียจ

บ้านทันตแพทย์คลินิก,ทำฟัน,จัดฟัน,ฟอกสีฟัน,รักษารากฟัน,รากฟันเทียม,รากเทียม,ครอบฟัน,ใส่ฟันปลอม,วีเนีย,รักษาฟันหน้าห่าง,ผ่าฟันคุด,ฟันผุ,แปรงแห้ง

Tags : หินปูน

view