สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com

รักลูกให้งดของหวาน

บทความนี้ คัดลอกมากจากหนังสือ "ครบเครื่องเรื่องฟัน FUN"

จัดพิมพ์โดย คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

รักลูกให้งดของหวาน

ผศ.ทพญ.ดร.รังสิมา สกุลณะมรรคา

                สุภาษิตเดิม “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” ปัจจุบันพ่อแม่จำนวนมากไม่ค่อยเห็นด้วยแล้ว เลยลองเอาสุภาษิตเดิมมาปรับเป็น “รักวัวให้ผูก รักลูกให้งดของหวาน” เพื่อให้ร่วมสมัย และหวังจะให้เป็นสโลแกนที่จะช่วยความจำพ่อแม่ รวมทั้งผู้ใหญ่ทุกท่านที่มีส่วนในการดูแลเด็กว่าไม่ควรให้เด็กรับประทานของหวาน เพราะของหวานนั้นมีโทษมากกว่ามีประโยชน์สำหรับลูกหลาน นอกจากจะทำให้เด็กมีน้ำหนักเกินมาตรฐานแล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาภายหลังด้วย

                ในส่วนของทันตแพทย์ก็ไม่สนับสนุนการรับประทานของหวาน เนื่องจากเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฟันผุ หลายท่านอาจยังมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องว่าฟันเมื่อใช้งานไปก็ต้องเสีย ผุตามอายุขัย แต่ในความเป็นจริงถ้าเราดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดี ฟันจะไม่ผุไม่ว่าจะใช้งานมานานแค่ไหนก็ตาม

                เมื่อเราบริโภคของหวาน แบคทีเรียในช่องปากจะย่อยสลายน้ำตาลในของหวานนั้น และเปลี่ยนน้ำตาลเป็นกรดกัดผิวฟัน ถ้าเรารับประทานของหวานบ่อยๆในแต่ละวันก็จะเกิดกรดไปกัดผิวฟันหลายครั้ง เมื่อเกิดขึ้นซ้ำๆในที่สุดฟันก็เป็นรูผุ

                ของหวานในที่นี้นับรวมตั้งแต่ขนมหวานต่างๆ คุกกี้ เค้ก ลูกอม อมยิ้ม ไอศกรีม ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มที่มีรสหวานทุกชนิด รวมทั้งนมที่มีการปรุงแต่งรส พ่อแม่อาจจะรูสึกว่าเด็กๆ กับของหวานเป็นของคู่กัน ถ้าไม่ให้ลูกรับประทานของหวานเลยก็ดูใจร้ายไปหน่อย และเคยพบว่าพ่อแม่ที่เข้มงวดมากเกินไป บางทีลูกอาจแอบรับประทานก็มี ถ้าพ่อแม่คิดว่าให้ลูกหลานรับประทานของหวานเพียงเล็กน้อยซึ่งไม่น่ามีผลเรื่องน้ำหนักหรือสุขภาพโดยทั่วไปของลูก ก็มีข้อแนะนำเพื่อให้มีผลกระทบต่อการเกิดฟันผุให้น้อยที่สุด

                ของหวานแต่ละชนิดมีส่วนในการทำให้เกิดฟันผุมากน้อยต่างกัน ของหวานที่มีลักษณะเหนียวติดฟัน หรือที่ต้องใช้เวลาอมเป็นเวลานาน จะเพิ่มโอกาสฟันผุมากกว่าของหวานที่ไม่เหนียวติดฟัน หรือไม่ค้างอยู่ในช่องปากนาน เด็กที่อมทอฟฟี่หรืออมยิ้ม เมื่อเทียบกับเด็กที่ดื่มน้ำหวาน เด็กที่อมทอฟฟี่หรืออมยิ้มจะมีโอกาสเกิดฟันผุมากกว่าเด็กที่ดื่มน้ำหวาน เพราะแบคทีเรียจะสร้างกรดจากการย่อยสลายน้ำตาลมาทำลายฟัน เมื่อน้ำตาลอยู่ในช่องปากนานก็ทำให้มีกรดอยู่ในช่องปากเป็นเวลานานเช่นกัน ดังนั้นโอกาสเกิดฟันผุจึงมากกว่าเด็กที่ดื่มน้ำหวาน โดยที่น้ำหวานจะผ่านช่องปากและฟันเพียงไม่กี่วินาที การเกิดกรดกัดกร่อนฟันก็จะสั้นกว่า

                นอกจากชนิดของของหวานที่รับประทานแล้ว ความถี่และช่วงเวลาในการรับประทานของหวานก็มีส่วนสำคัญในการเกิดฟันผุ ถ้าพ่อแม่ให้ลูกรับประทานของหวานในมื้ออาหาร เช่น รับประทานข้าวแล้วให้รับประทานขนมให้เสร็จในมื้ออาหาร โอกาสเกิดฟันผุก็จะน้อยกว่าที่ให้ลูกรับประทานของหวานอยู่เรื่อยๆตลอดทั้งวัน เพราะเมื่อรับประทานของหวานบ่อยๆ ก็จะเกิดกรดบ่อยๆ ทำให้เร่งเกิดฟันผผุง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าท่านรักลูก แนะนำให้งดหรือลดของหวาน โดยเปลี่ยนเป็นให้ลูกรับประทานผลไม้ และทุกครั้งหลังรับประทานอาหารไม่ว่าของหวานหรือของคาว ถ้าไม่ได้แปรงฟัน อย่างน้อยควรจะบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดเพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตลอดไป

บ้านทันตแพทย์คลินิก,ทำฟัน,จัดฟัน,ฟอกสีฟัน,รักษารากฟัน,รากฟันเทียม,ครอบฟัน,ใส่ฟันปลอม,วีเนีย,รักษาฟันหน้าห่าง

Tags : บ้านทันตแพทย์คลินิก ทำฟัน จัดฟัน ฟอกสีฟัน รักษารากฟัน รากฟันเทียม ครอบฟัน ใส่ฟันปลอม วีเนีย รักษาฟันหน้าห่าง

view