สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com

แปรงแห้งแล้ว ฟันจะไม่ผุเลยหรือ

บทความนี้ คัดลอกมากจากหนังสือ "ครบเครื่องเรื่องฟัน FUN"

จัดพิมพ์โดย คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย


แปรงแห้ง แล้วฟันจะไม่ผุเลยเหรอ

ศ.ทพญ.ดร.สุดาดวง กฤษฎาพงษ์

                    “ถ้าไม่กินน้ำตาลบ่อย”

                โรคฟันผุเกิดจากการกิน “น้ำตาล” (น้ำตาล ในที่นี้หมายถึงน้ำตาลนอกเซลล์ ยกเว้นน้ำตาลในนม (Non-milk extrinsic sugars: NMES) หรือน้ำตาลอิสระ (free sugars) โดยคร่าวๆ คือ น้ำตาลที่ผ่านกระบวนการแปรรูปแล้ว ได้แก่ น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลที่เติมลงในอาหาร รวมทั้งน้ำผลไม้และน้ำผึ้ง) น้ำตาลจะถูกย่อยอย่างรวดเร็วโดยแบคทีเรียในปากเกิดเป็นกรดเข้าทำลายผิวฟันยิ่งกินน้ำตาลบ่อยฟันยิ่งผุ ฟันผุจะน้อยลงหากได้รับฟลูออไรด์ เพราะฟลูออไรด์ช่วยลดหรือชะลอการที่ผิวฟันถูกทำลายด้วยน้ำตาลได้ 25% ดังนั้นถ้ากินน้ำตาลมากฟันก็ยังผุอยู่ดี ที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลกแนะนำให้กินน้ำตาลไม่เกินวันละ 50 กรัม (ร้อยละ 10 ของพลังงานที่ได้รับ) ถึงแม้หลายประเทศจะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดปริมาณน้ำตาลที่ประชาชนกินได้สำเร็จตามเป้าหมายนั้น รวมทั้งการใช้ฟลูออไรด์ร่วมด้วย ฟันผุก็ยังคงเพิ่มขึ้นในประชากรที่มีอายุมากขึ้น โรคฟันผุและฟันผุซ้ำซี่เดิมยังคงเป็นปัญหาในประชากรวัยผู้ใหญ่และเป็นภาระใหญ่ของระบบบริการสุขภาพของประเทศต่างๆทั่วโลก งานวิจัยมากมายที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องในระยะหลังทำให้ทราบว่าน้ำตาลมีผลต่อการเกิดโรคฟันผุมากกว่าที่เคยคิดกัน (รวมทั้งโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน)องค์การอนามัยโลกจึงออกคำแนะนำใหม่ล่าสุด ปี ค.ศ.2015 ที่ลดปริมาณของน้ำตาลที่กินต่อวันลง เหลือเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิม กล่าวคือ ไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 25 กรัม หรือ 6 ช้อนชา

                การทราบถึงปริมาณดังกล่าว มีประโยชน์ในการพิจารณาอาหารแต่ละอย่างที่กิน ตัวอย่างเช่น น้ำอัดลม  1 กระป๋อง (330 มล.) มีน้ำตาลมากถึง 30-40 กรัม ซึ่งมากเกือบจะเป็น 2 เท่า ของปริมาณสูงสุดที่ควรกินในแต่ละวัน น้ำผลไม้หรือน้ำสมุนไพรที่ใส่น้ำตาลมากกว่า 10%  หากกินไป 1 แก้ว ขนาด 250 มล.จะได้น้ำตาล 25 กรัม เท่ากับน้ำตาลที่ควรจะกินในตลอดทั้งวันนั้น การทราบถึงปริมาณน้ำตาลที่ควรกินในแต่ละวันจึงเพื่อเตือนใจไม่ให้กินอาหารหวาน เลือกที่หวานน้อย หรือไม่เติมน้ำตาลเลยดีที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องคอยจดปริมาณน้ำตาลที่กินทุกครั้งเพื่อควบคุมไม่ให้เกินปริมาณที่กำหนด ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง (ทั้งนี้เพราะปริมาณน้ำตาลที่ได้มานั้น มาจากการคำนวณในระดับประเทศ โดยคิดจากปริมาณน้ำตาลที่บริโภคภายในประเทศและอัตราการเกิดฟันผุในประชากรในช่วงเวลาเดียวกัน)

                หากจะควบคุมพฤติกรรมในระดับตัวบุคคล แนะนำให้ลดความถี่ในการกินน้ำตาล (ความถี่ของการกินสัมพันธ์กับปริมาณที่กินนั่นเอง) กล่าวคือ กินอาหารที่มีน้ำตาลไม่เกิน 4 ครั้งต่อวัน รวมในมื้ออาหารด้วย (ถ้ากินรวมในมื้ออาหาร ฟันจะปลอดภัยกว่า) เพราะแต่ละครั้งที่กินน้ำตาลเข้าไป จะเกิดสภาวะความเป็นกรดที่กัดทำลายผิวฟัน ซึ่งใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง กว่าความเป็นกรดจะลดลง และผิวฟันเกิดการซ่อมแซม  ดังนั้นหากกินบ่อยๆก็เหมือนกับว่าฟันแช่อยู่ในกรดตลอดเวลา ฟันผุย่อมตามมาอย่างแน่นอน

                ฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าการแปรงแห้ง(แปรงฟันเสร็จก็แค่ถุยฟองในปากทิ้งไป ไม่ต้องบ้วนน้ำตาม) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุได้มากขึ้นกว่าการแปรงฟันแล้วบ้วนน้ำตาม แต่หากยังกินน้ำตาลมากเกินที่แนะนำ ย่อมมีโอกาสเกิดฟันผุได้ คำกล่าวที่ว่า “กินได้ แต่ต้องแปรงฟัน” ไม่เป็นความจริง และ “กินแล้วถ้าไม่แปรงฟันก็บ้วนปากแทนได้”ยิ่งไม่เป็นจริงไปกันใหญ่


บทความที่เกี่ยวข้อง แปรงแห้ง กันเถอะ

บ้านทันตแพทย์คลินิก ทำฟัน จัดฟัน ฟอกสีฟัน รักษารากฟัน รากฟันเทียม ครอบฟัน ใส่ฟันปลอม  วีเนียร์ รักษาฟันหน้าห่าง

Tags : แปรงแห้ง

view